• การท่องเว็บแบบส่วนตัวบน iPhone คืออะไร?
  • วิธีการเปิดการท่องเว็บแบบส่วนตัวบน iPhone และ iPad
  • วิธีปิดการท่องเว็บแบบส่วนตัวบน iPhone และ iPad
  • การแก้ปัญหา : ไม่สามารถเปิดแท็บส่วนตัวบน Safari ได้ใช่หรือไม่?
  • การท่องเว็บแบบส่วนตัวนั้นเป็นส่วนตัวจริงหรือเปล่าบน iPhone?
  • ทางเลือกสำหรับทดแทนการท่องเว็บแบบส่วนตัวบน iPhone
  • คำถามที่พบบ่อย : คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการท่องเว็บแบบส่วนตัวบน iPhone
  • การท่องเว็บแบบส่วนตัวบน iPhone คืออะไร?
  • วิธีการเปิดการท่องเว็บแบบส่วนตัวบน iPhone และ iPad
  • วิธีปิดการท่องเว็บแบบส่วนตัวบน iPhone และ iPad
  • การแก้ปัญหา : ไม่สามารถเปิดแท็บส่วนตัวบน Safari ได้ใช่หรือไม่?
  • การท่องเว็บแบบส่วนตัวนั้นเป็นส่วนตัวจริงหรือเปล่าบน iPhone?
  • ทางเลือกสำหรับทดแทนการท่องเว็บแบบส่วนตัวบน iPhone
  • คำถามที่พบบ่อย : คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการท่องเว็บแบบส่วนตัวบน iPhone

วิธีเปิดการท่องเว็บแบบส่วนตัวบน iPhone

Tips & tricks 29.12.2025 5 นาที
Tyler Cross
เขียนโดย Tyler Cross
Katarina Glamoslija
รีวิวโดย Katarina Glamoslija
Magdalena Madej
แก้ไขโดย Magdalena Madej
illustration_how to turn on private browsing on iphone -

ความเป็นส่วนตัวบนโลกออนไลน์เริ่มรักษาเอาไว้ได้ยากขึ้นทุกวัน ทั้งเว็บไซต์ ผู้โฆษณา และแม้แต่เครือข่าย Wi-Fi สาธารณะต่างก็เก็บข้อมูลของคุณ จึงไม่น่าประหลาดใจเลยที่ใครหลายคนต่างก็หันไปใช้เครื่องมืออย่างการท่องเว็บแบบส่วนตัวใน Safari

มันสามารถช่วยในการไม่เก็บข้อมูลบนอุปกรณ์ ซึ่งก็เป็นเรื่องดี ถ้าคุณแบ่งกันใช้ iPhone กับคนอื่น หรือคุณเพียงแค่ต้องการความเป็นส่วนตัวเพิ่มอีกเล็กน้อย แต่มันก็ไม่ใช่ทางออกที่สมบูรณ์แบบสำหรับการใช้งานออนไลน์อย่างไม่เปิดเผยตัวตน

คู่มือนี้จะลงรายละเอียดเกี่ยวกับสิ่งที่การท่องเว็บแบบส่วนตัวจะช่วยทำให้จริง ๆ (รวมถึงสิ่งที่มันไม่ได้ทำ) และก็จะแสดงให้คุณเห็นว่าคุณจะปกป้องความเป็นส่วนตัวในขณะที่ใช้ iPhone ให้ดีมากยิ่งขึ้นไปอีกได้อย่างไร

การท่องเว็บแบบส่วนตัวบน iPhone คืออะไร?

การท่องเว็บแบบส่วนตัวบน iPhone นั้นเป็นคุณสมบัติของ Safari ที่ถูกออกแบบมาเพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวในเครื่องของคุณ เมื่อคุณใช้มันแล้ว Safari ก็จะไม่บันทึกประวัติการท่องเว็บ คุกกี้ แคช หรือการป้อนอัตโนมัติเอาไว้หลังจากที่คุณปิดแท็บ มันเป็นวิธีการง่าย ๆ ที่จะช่วยให้มั่นใจได้ว่ากิจกรรมการท่องเว็บของคุณจะไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้บนอุปกรณ์ของคุณ

มันยังเพิ่มชั้นการป้องกันการติดตามทางออนไลน์ด้วย การท่องเว็บแบบส่วนตัวจะบล็อกตัวติดตามที่รู้จัก และก็มีการป้องกันเทคนิคที่ชื่อว่า fingerprinting (การทำลายนิ้วมือ) ด้วย

Fingerprinting นั้นเป็นวิธีการแบบแอบซ่อนที่เว็บไซต์พยายามจะบ่งชี้และติดตามตัวคุณด้วยการเก็บรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับอุปกรณ์ของคุณ อย่างเช่น ขนาดหน้าจอ เวอร์ชันของเบราว์เซอร์ และแม้แต่ปลั๊กอินที่คุณใช้ รายละเอียดเหล่านี้จะสร้าง "ลายนิ้วมือ" ที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งจะติดตามคุณไปทั่วทั้งเว็บไซต์ แม้ว่าจะไม่มีคุกกี้ก็ตาม

Safari ช่วยปกป้องคุณด้วยการแบ่งปันข้อมูลการกำหนดค่าระบบอย่างง่าย ทำให้อุปกรณ์ของคุณดูไม่เฉพาะเจาะจงและยากที่จะระบุถึงความแตกต่างได้

การท่องเว็บแบบส่วนตัวจะมีประโยชน์เป็นพิเศษ เมื่อคุณแบ่งกันใช้อุปกรณ์กับคนอื่น ๆ หรือไม่ต้องการให้บันทึกกิจกรรมไว้ในเครื่องมือ บางทีคุณอาจจะค้นหาเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพที่คุณต้องการเก็บไว้เป็นเรื่องส่วนตัว หรือคุณอาจจะลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชีสาธารณะที่คุณไม่ต้องการให้ระบบทำการป้อนอัตโนมัติในภายหลัง ไม่ว่าเหตุผลคืออะไร มันก็จะมอบความสามารถในการควบคุมสิ่งที่มือถือของคุณจำได้ให้กับคุณ

ในกรณีที่คุณกำลังเลือกซื้อของขวัญให้สมาชิกในครอบครัวคนที่ใช้ iPhone ของคุณด้วยอยู่ คุณก็สามารถเปิดใช้งานการท่องเว็บแบบส่วนตัวได้ง่าย ๆ แทนที่จะทิ้งร่องรอยทางดิจิทัลเอาไว้ในประวัติหรือคำแนะนำสำหรับการค้นหา เมื่อใช้งานเสร็จแล้ว มันก็จะเหมือนกับว่าเซสชันนั้นไม่เคยเกิดขึ้น คุณสามารถซ่อนแอปที่คุณใช้เพื่อซื้อของขวัญในภายหลังได้ด้วย เพื่อเป็นการเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นเซอร์ไพรส์

คุณสมบัตินี้จะทำงานคล้ายกับโหมดส่วนตัวในเบราว์เซอร์อื่น ๆ ถ้าคุณเคยใช้โหมดที่คล้ายกับโหมดไม่ระบุตัวตนของ Chrome มาก่อน คุณก็จะค้นพบความคล้ายคลึงกันของการท่องเว็บแบบส่วนตัว แต่จะมีการเพิ่มความเป็นส่วนตัวในรูปแบบเฉพาะของ Apple อีกเล็กน้อย ซึ่งพวกเราจะลงรายละเอียดกันในส่วนถัดไป

การท่องเว็บแบบส่วนตัวนั้นเหมือนกับโหมดไม่ระบุตัวตนของ Chrome หรือไม่?

การท่องเว็บแบบส่วนตัวบน Safari และโหมดไม่ระบุตัวตนบน Chrome นั้นมีวัตถุประสงค์ขั้นพื้นฐานที่เหมือนกัน : การป้องกันไม่ให้เบราว์เซอร์ของคุณบันทึกข้อมูลไว้ในเครื่อง หลังจากที่คุณปิดแท็บแล้ว แต่ถึงแม้ว่าเป้าหมายของการใช้งานนั้นจะคล้ายกัน แต่การจัดการเรื่องความเป็นส่วนตัวของแต่ละเบราว์เซอร์นั้นจะแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ

นี่คือสิ่งที่พวกมันมีเหมือนกัน :

Illustration Private Browsing Vs. Incognito Mode Th

  • ไม่มีประวัติท้องถิ่น : ทั้งสองโหมดจะไม่บันทึกหน้าที่คุณเข้าในประวัติการท่องเว็บ
  • ไม่มีการเก็บคุกกี้หรือข้อมูลเว็บไซต์ : เมื่อคุณปิดหน้าต่างการท่องเว็บแบบส่วนตัวทั้งหมดแล้ว คุกกี้และข้อมูลเว็บไซต์ของเซสชันก็จะถูกทิ้ง มันจะไม่ถูกบันทึกหรือนำไปใช้สำหรับเซสชันในอนาคต
  • ไม่มีการบันทึกการป้อนอัตโนมัติ : ทั้งการท่องเว็บแบบส่วนตัวและโหมดไม่ระบุตัวตนจะไม่บันทึกข้อมูลการป้อนอัตโนมัติใหม่ อย่างเช่น คำที่ใช้ค้นหา การกรอกแบบฟอร์ม หรือรหัสผ่าน อย่างไรก็ตาม คุณยังอาจจะมองเห็นคำแนะนำจากเซสชันในอดีตที่ไม่เป็นส่วนตัวอยู่ โหมดเหล่านี้ยังคงสามารถเข้าถึงข้อมูลที่บันทึกเอาไว้ก่อนหน้านี้ได้ แต่จะไม่มีการบันทึกข้อมูลใหม่ หลังจากที่เซสชันของคุณจบลง
  • ใช้งานส่วนขยายได้จำกัด : ส่วนขยายส่วนใหญ่จะถูกปิดเอาไว้เป็นค่าเริ่มต้นในทั้งสองโหมด

และนี่คือข้อแตกต่างที่มีความสำคัญของมัน :

  • การบล็อกตัวติดตาม : การท่องเว็บแบบส่วนตัวของ Safari นั้นจะทำงานพร้อมกับ Intelligent Tracking Prevention (ITP) มันเป็นคุณสมบัติที่ส่งผลกับ Safari ทั้งหมด โดยมันจะบล็อกตัวติดตามที่รู้จัก และจะจำกัดการติดตามข้ามเว็บไซต์โดยการใช้แมชชีนเลิร์นนิง นี่เป็นสิ่งที่จะถูกเปิดใช้งานตลอดใน Safari ซึ่งรวมถึงโหมดส่วนตัวด้วย
  • การป้องกันการติดตามลิงก์ : ในการท่องเว็บแบบส่วนตัวของ Safari (รวมถึงใน Messages และ Mail) ทาง Apple จะนำรหัสระบุตัวตนสำหรับการติดตามที่บางเว็บไซต์เพิ่มไปยัง URL ออก เพื่อไม่ให้สามารถติดตามผู้ใช้ผ่านเว็บไซต์ต่าง ๆ ได้ ตัวแปรเหล่านี้จะถูกนำออกโดยอัตโนมัติ แต่ลิงก์จะยังคงทำงานได้ตามปกติ โหมดไม่ระบุตัวตนของ Chrome จะไม่มีการป้องกันลิงก์ในรูปแบบนี้ ถ้าลิงก์มีข้อมูลการติดตาม มันก็จะอยู่เหมือนเดิม เว้นแต่ว่าคุณจะใช้ส่วนขยายบุคคลที่สามหรือจะลบมันออกเอง
  • การท่องเว็บแบบส่วนตัวที่ถูกล็อก : ถ้าคุณใช้ iOS 17 ขึ้นไป แท็บการท่องเว็บแบบส่วนตัวของ Safari ก็จะมาพร้อมกับการป้องกันพิเศษอีกขั้นหนึ่ง : การท่องเว็บแบบส่วนตัวที่ถูกล็อก เมื่อคุณเปิดใช้งานคุณสมบัตินี้ แท็บส่วนตัวของคุณก็จะถูกล็อกโดยอัตโนมัติ เมื่อคุณออกจาก Safari หรือล็อกอุปกรณ์ของคุณ และคุณจะต้องใช้ Face ID, Touch ID หรือรหัสปลดล็อกหน้าจอเพื่อที่จะปลดล็อกมัน
  • ความกังวลด้านการเก็บข้อมูล : ในขณะที่ Chrome ไม่ได้บันทึกประวัติการท่องเว็บเอาไว้ในเครื่องของคุณตอนที่ใช้โหมดไม่ระบุตัวตน แต่มันก็ยังอาจที่จะอนุญาตให้บริการของ Google ติดตามคุณได้อย่างจำกัด ถ้าคุณลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google ของคุณ อันที่จริง Google พึ่งจะอัปเดตการปฏิเสธความรับผิดชอบของพวกเขา หลังจากที่ได้ยุติคดีใหญ่ ซึ่งมีการกล่าวอ้างว่าผู้ใช้งานถูกทำให้เข้าใจผิดเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของโหมดไม่ระบุตัวตน

ข้อแตกต่างระหว่างการท่องเว็บแบบส่วนตัวและแบบปกติ

เมื่อคุณท่องเว็บในโหมดปกติ (ไม่เป็นส่วนตัว) บน Safari ทางเบราว์เซอร์ก็จะเก็บข้อมูลที่มีประโยชน์ (แต่อาจเปิดเผยตัวตนของคุณ) เอาไว้มากมาย นี่จะรวมถึงประวัติการท่องเว็บฉบับเต็ม คุกกี้จากเว็บไซต์ที่คุณเข้าชม ไฟล์แคช ข้อมูลการล็อกอินที่บันทึกไว้ และข้อมูลอื่น ๆ ที่คุณได้กรอกลงในแบบฟอร์ม

นี่จะทำให้คุณกลับไปยังหน้าต่าง ๆ หรือกลับไปกรอกแบบฟอร์มได้อย่างรวดเร็ว แต่มันก็จะทำให้เหมือนกับว่าคุณทิ้งร่องรอยเอาไว้อย่างชัดเจนว่าคุณได้ทำอะไรไปบ้าง

ในอีกทางหนึ่ง การท่องเว็บแบบส่วนตัวจะถูกออกแบบมาเพื่อลบร่องรอยดังกล่าว ตามที่ได้กล่าวไปแล้ว มันจะป้องกันไม่ให้ Safari บันทึกประวัติหรือกิจกรรมการค้นหาของคุณ มันจะลบคุกกี้และข้อมูลเว็บไซต์เมื่อคุณปิดแท็บ มันจะปิดการป้อนอัตโนมัติและส่วนขยายส่วนใหญ่ และก็จะทำงานโดยที่เปิดการปกป้องความเป็นส่วนตัวของ Safari ทั้งหมด ซึ่งรวมถึงการบล็อกตัวติดตามและการป้องกัน fingerprinting

สรุปสั้น ๆ การท่องเว็บแบบปกตินั้นถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเน้นความสะดวก ในขณะที่การท่องเว็บแบบส่วนตัวนั้นถูกสร้างขึ้นมาเพื่อความเป็นส่วนตัว โปรดจำเอาไว้ว่า : ถึงแม้มันจะช่วยปกป้องความเป็นส่วนตัวของคุณบนอุปกรณ์ของคุณเอง แต่มันจะไม่ได้ทำให้คุณเหมือนมีสถานะล่องหนได้บนโลกออนไลน์

วิธีการเปิดการท่องเว็บแบบส่วนตัวบน iPhone และ iPad

การเปิดใช้งานโหมดการท่องเว็บแบบส่วนตัวบน iOS นั้นเป็นกระบวนการที่ค่อนข้างง่าย วิธีการจะแตกต่างกันออกไป โดยขึ้นกับ OS ของคุณ แต่มันถูกออกแบบมาให้มีความสะดวกสำหรับ iOS ทุกเวอร์ชันอยู่แล้ว

เปิดโหมดส่วนตัวใน Safari

การเปิดใช้การท่องเว็บแบบส่วนตัวใน Safari นั้นง่ายมาก และหลังจากที่เปิดใช้งานแล้ว Safari ก็จะใช้งานโหมดส่วนตัวจนกว่าที่คุณจะเปลี่ยนกลับไปใช้กลุ่มแท็บปกติ ไม่มีการตั้งค่าที่จะทำให้มันเป็นค่าเริ่มต้น แต่ iOS จะจำโหมดล่าสุดที่คุณใช้เอาไว้

การท่องเว็บแบบส่วนตัวใน iOS 18

  1. เปิด Safari และคลิกปุ่ม Tabs (แท็บ) (สี่เหลี่ยมจัตุรัสสองอันที่วางทับซ้อนกันอยู่) ตรงมุมขวาล่าง
    The Safari home screen with the Tabs box outlined.
  2. แตะที่ tab group (กลุ่มแท็บ) ตรงกลางด้านล่าง
    2 46 Scaled
  3. เลือก Private (ส่วนตัว) จากรายการ
    The Safari Private tab on an iPhone.
  4. แตะปุ่ม + เพื่อเปิดแท็บการท่องเว็บแบบส่วนตัวใหม่ หรือคลิก Done (เสร็จสิ้น) เพื่อกลับไปยังแท็บที่เปิดไว้แล้ว
    An iPhone opened to its Safari tabs, highlighting the Done option.

ถ้าคุณทำตามขั้นตอนเหล่านี้ แต่ตัวเลือกหายไปหรือเป็นสีเทา ไม่ต้องตื่นตระหนก ทำตามคู่มือการแก้ปัญหานี้ เพื่อแก้ปัญหาที่พบเห็นบ่อยครั้งสำหรับโหมดการท่องเว็บแบบส่วนตัว

การท่องเว็บแบบส่วนตัวใน iOS 17

  1. เปิดแอป Safari (ซาฟารี) บน iPhone ของคุณ
  2. แตะที่ปุ่ม Tabs (แท็บ)
  3. ปัดหน้าไปยัง Private tab group (กลุ่มแท็บส่วนตัว) จากนั้นเลือก specific tab (แท็บเฉพาะ) ที่คุณต้องการเปิด

การท่องเว็บแบบส่วนตัวใน iOS 16 ลงไป

  1. เปิด Safari (ซาฟารี) บน iPhone ของคุณ
  2. คลิกปุ่ม Tabs (แท็บ)
  3. แตะ [number] Tabs (แท็บ) หรือ Start Page (เริ่มเพจ) เพื่อดูรายการ Tab Groups (กลุ่มแท็บ)
  4. เลือก Private (ส่วนตัว) จากนั้นแตะ Done (เสร็จสิ้น)

ใช้ทางลัดเพื่อการเข้าถึงที่เร็วยิ่งขึ้น

คุณสามารถตั้งค่าทางลัดเพื่อเปิด Safari ในโหมดการท่องเว็บแบบส่วนตัวได้โดยตรง แทนที่จะเปิดผ่านไอคอน Safari แบบปกติ ให้คุณใช้ทางลัดเพื่อเปิดเซสชันส่วนตัวได้โดยตรง และไม่บันทึกข้อมูลกิจกรรมของคุณใส่ในเครื่อง นี่เป็นขั้นตอนสำหรับ iOS 18 แต่ในเวอร์ชันอื่น ๆ ก็คล้ายกัน :

  1. เปิดแอป Shortcuts (ทางลัด) และแตะ + เพื่อสร้างทางลัดใหม่
    The Shortcuts app Select button and New Shortcut button of an iPhone.
  2. เพิ่มแอ็กชัน Open URLs (เปิด URL)
    The Open URLs function of an iPhone.
  3. ตั้งค่า URL ไปเป็น safari-private:// หรือเว็บไซต์เฉพาะ
    The safari-private:// URL in the Shortcuts app.
  4. ตั้งชื่อให้ตัวเลือกของคุณ และเพิ่มมันไปยัง Home Screen (หน้าโฮม)
    Naming a new shortcut on iOS.

ทีนี้เมื่อคุณเปิดทางลัดนั้น คุณก็จะถูกพาเข้าไปยังแท็บส่วนตัวในทันที ในขณะที่ Safari นั้นไม่มีทางลัดสำหรับเข้าสู่โหมดส่วนตัวภายในตัวของมันเอง แต่วิธีการนี้ก็จะช่วยให้คุณสร้างทางลัดของคุณเองได้เลย

เปิดโหมดไม่ระบุตัวตนใน Google Chrome

ถ้าคุณต้องการท่องเว็บอย่างเป็นส่วนตัวบน iPhone ของคุณ แต่คุณชอบใช้เบราว์เซอร์ Chrome มากกว่า นี่คือวิธีทำ :

  1. เปิดแอป Google Chrome (กูเกิล โครม) และคลิกตรงจุดสามจุดในแนวตั้งเพื่อเปิดหน้าต่างที่มีตัวเลือกมากมาย
    The homepage for an iPhone's Google Chrome app.
  2. ค้นหา New Incognito Tab (แท็บไม่ระบุตัวตนใหม่)
    The New Incognito Tab of iOS Google Chrome.

นี่จะเป็นการเปิด Chrome ในเวอร์ชันที่ดูมืดขึ้น พร้อมทั้งจะมีรูปคนสวมหมวกกับแว่นตา นี่หมายความว่าโหมดไม่ระบุตัวตนทำงานแล้ว ขอให้จำไว้ว่าการท่องเว็บแบบส่วนตัวของ Safari นั้นจะมีความเป็นส่วนตัวมากกว่าสำหรับ iPhone เมื่อเทียบกับโหมดไม่ระบุตัวตนของ Chrome

วิธีปิดการท่องเว็บแบบส่วนตัวบน iPhone และ iPad

การปิดการท่องเว็บแบบส่วนตัวนั้นง่ายพอ ๆ กับการเปิดใช้งานมันเลย แต่ขอให้ทราบไว้ว่า เมื่อคุณปิดแท็บส่วนตัวแล้ว เบราว์เซอร์ของคุณ ไม่ว่าจะเป็น Safari หรือ Chrome ก็จะเริ่มเก็บข้อมูลไว้ในเครื่องอีกครั้ง ซึ่งจะรวมถึงประวัติการท่องเว็บและข้อมูลการป้อนอัตโนมัติของคุณ

ออกจากการท่องเว็บแบบส่วนตัวของ Safari

การปิดการท่องเว็บแบบส่วนตัวใน Safari นั้นง่ายมาก

ปิดการท่องเว็บแบบส่วนตัวใน iOS 18

  1. เปิด Safari (ซาฟารี) และคลิก tabs icon (ไอคอนแท็บ).
    11 36 Scaled
  2. เลือก tab group (กลุ่มแท็บ) ปกติ อย่างเช่น "1 Tab (1 แท็บ)” หรือ "Start Page (เริ่มหน้า)”
    Safari Tab Groups highlighting the 1 Tab option.
  3. แตะ Done (เสร็จสิ้น)
    13 34 Scaled

หลังจากที่ Safari เปลี่ยนจากโหมดมืดไปเป็นโหมดสว่างแล้ว คุณก็จะรู้ได้ว่าคุณปิดการท่องเว็บแบบส่วนตัวสำเร็จแล้ว ขอให้จำไว้ว่าประวัติการค้นหา การป้อนอัตโนมัติ และคุกกี้ของคุณจะถูกบันทึกไว้ในเครื่องในขณะที่ใช้โหมดการท่องเว็บแบบปกติ

ปิดการท่องเว็บแบบส่วนตัวใน iOS 17

  1. เปิด Safari (ซาฟารี) บน iPhone ของคุณ
  2. แตะที่ปุ่ม Tabs (แท็บ)
  3. เมื่อใช้งานการท่องเว็บแบบส่วนตัว ปัดไป [number] Tabs tab group (กลุ่มแท็บ) จากนั้นคลิกที่ tab you want to open (แท็บที่คุณต้องการเปิด)

ปิดการท่องเว็บแบบส่วนตัวใน iOS 16 ลงไป

  1. เปิด Safari (ซาฟารี) บน iPhone ของคุณ
  2. แตะที่ปุ่ม Tabs (แท็บ)
  3. เลือก Private (ส่วนตัว) เพื่อดูรายการ Tab Groups (กลุ่มแท็บ)
  4. แตะที่ [number] Tabs (แท็บ) จากนั้นคลิก Done (เสร็จสิ้น)

ออกจากโหมดไม่ระบุตัวตน

การออกจากโหมดไม่ระบุตัวตนจะทำงานคล้าย ๆ กับการออกจากโหมดการท่องเว็บแบบส่วนตัวบน iOS

  1. แตะที่ tabs icon (ไอคอนแท็บ) ตรงด้านล่างของหน้าจอ
    iOS Google Chrome opened to Incognito Mode.
  2. เปลี่ยนไปบริเวณแท็บปกติด้วยการแตะที่ regular tab (แท็บปกติ)
    iOS Google Chrome tabs list highlighting the regular tab section.
  3. คุณสามารถปิดแท็บไม่ระบุตัวตนทั้งหมด เพื่อออกจากเซสชันได้เลย

หลังจากที่ออกจากหน้านี้แล้ว Chrome จะเริ่มกลับมาบันทึกข้อมูลไว้ในเครื่องอีกครั้ง คุณสามารถกลับมาใช้แท็บส่วนตัวได้ด้วยการทำตามขั้นตอนเดิม ในตอนสุดท้ายให้เลือกหน้าต่างไม่ระบุตัวตนแทนแท็บปกติ

การแก้ปัญหา : ไม่สามารถเปิดแท็บส่วนตัวบน Safari ได้ใช่หรือไม่?

หลังจากที่ iOS 17 ได้เปิดตัวออกไปนั้น ผู้ใช้งานหลายรายก็เริ่มเห็นว่าตัวเลือกการท่องเว็บแบบส่วนตัวกลายเป็นสีเทาหรือหายไปเลย นี่เป็นสิ่งที่มักจะเกี่ยวข้องกับข้อจำกัดด้านเวลาหน้าจอของคุณ แต่มันก็มีสาเหตุอื่น ๆ ที่เป็นไปได้อีกหลายสาเหตุ

ตัวเลือกการท่องเว็บแบบส่วนตัวหายไปหรือกลายเป็นสีเทา

ถ้าคุณไม่สามารถเปิดแท็บส่วนตัวใน Safari บน iOS 18 ได้ มันก็มักจะเป็นเพราะข้อจำกัดที่เกี่ยวข้องกับเวลาหน้าจอหรือโปรไฟล์ ลองทำตามขั้นตอนการแก้ปัญหาดังนี้

ดูข้อจำกัดเวลาหน้าจอ

บางครั้ง การท่องเว็บแบบส่วนตัวจะถูกซ่อนเอาไว้เพราะระบบควบคุมโดยผู้ปกครองหรือการกรองเนื้อหา กลับไปตั้งค่าเป็นการเข้าถึงอย่างไม่มีข้อจำกัด รีเฟรช Safari ก็มักจะแก้ปัญหานี้ได้ นี่คือวิธีเปลี่ยนไปใช้การเข้าถึงอย่างไม่มีข้อจำกัด :

  1. ไปที่ Settings (การตั้งค่า) และเปิด Screen Time (เวลาหน้าจอ)
    The Screen Time option of the iOS Settings page.
  2. แตะที่ Content & Privacy Restrictions (จำกัดเนื้อหาและความเป็นส่วนตัว) จากนั้นแตะที่ Content Restrictions (การจำกัดเนื้อหา)
    An iPhone's Content & Privacy Restrictions option
  3. แตะที่ Web Content (เนื้อหาเว็บ) จากนั้นเลือก Unrestricted (ไม่จำกัด)
    The Web Content option of an iPhone's Content & Privacy Restrictions page.

ตรวจสอบโปรไฟล์การกำหนดค่า

นายจ้างหรือที่โรงเรียนอาจจะติดตั้งโปรไฟล์ที่แอบบล็อกคุณสมบัติอย่างการท่องเว็บแบบส่วนตัวได้ การนำมันออกก็จะเป็นการกู้คืนการควบคุมการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน ขอให้มั่นใจก่อนว่าการทำเช่นนั้นจะไม่ผิดนโยบายของที่ทำงานหรือโรงเรียนของคุณ

  1. ไปที่ Settings (การตั้งค่า) และคลิกที่ General (ทั่วไป)
    An iPhone's General option in the Settings menu.
  2. เปิด VPN & Device Management (VPN และการจัดการอุปกรณ์)
    An iPhone's VPN & Device Management option.
  3. มองหาโปรไฟล์ที่กำหนดข้อจำกัดการกระทำของคุณ และนำมันออก
    An iPhone's list of profiles with restrictions.
  4. รีสตาร์ทอุปกรณ์ของคุณ

รีสตาร์ท Safari (บังคับปิดและเปิดใหม่)

บางครั้งอาจเกิดข้อผิดพลาดกับองค์ประกอบ UI บางตัวของ Safari การรีสตาร์ทแอปนั้นเป็นวิธีการแก้ปัญหาแบบดั้งเดิมที่จะรีเฟรช Safari และแก้ข้อบกพร่องเล็กน้อยได้

  1. ปัดด้านล่างของหน้าจอขึ้นและหยุดชั่วคราว
    An iPhone's list of currently running apps.
  2. ปัด Safari (ซาฟารี) ออกจากหน้าจอเพื่อปิดมัน
  3. เปิด Safari (ซาฟารี) ใหม่ และตรวจสอบดูว่าโหมดส่วนตัวกลับมาหรือยัง

รีสตาร์ท iPhone ของคุณ

การรีสตาร์ทเครื่องจะช่วยล้างปัญหาที่เกี่ยวกับความจำหรือข้อบกพร่องชั่วคราว ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อการโหลดอินเทอร์เฟซและคุณสมบัติของ Safari ปัญหาเล็ก ๆ ส่วนใหญ่นั้นจะถูกแก้ไขได้ในทันทีด้วยการรีสตาร์ทที่ทำได้ง่าย

  1. กดปุ่ม power button + volume up/down (ปุ่มเปิดปิด + เพิ่ม/ลดเสียง) จนกว่าตัวเลื่อนปิดเครื่องจะปรากฏ
  2. เลื่อนเพื่อปิดเครื่อง รอเป็นเวลา 10 วินาที จากนั้นเปิดมันกลับขึ้นมา

การท่องเว็บแบบส่วนตัวของ Safari ช้าหรือไม่ทำงาน

ถ้าแท็บการท่องเว็บแบบส่วนตัวของ Safari มีอาการแลค หยุดทำงาน หรือทำงานแปลก ๆ ปัญหาของมันมักจะไม่ได้เกี่ยวกับโหมดส่วนตัว แต่มักจะเป็นที่ Safari หรือระบบของคุณมากกว่า นี่คือขั้นตอนเฉพาะสำหรับ iOS บางประการที่คุณสามารถทำเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพได้

  1. เปิด Settings (การตั้งค่า) จากนั้นเปิด Apps (แอป) และเลือก Safari (ซาฟารี)
    The Safari tab located within an iPhone's Settings/Apps menu.
  2. แตะที่ Clear History and Website Data (ล้างประวัติและข้อมูลเว็บไซต์)
    An iPhone's Clear History and Website Data option.
  3. จะมีป๊อปอัพปรากฏ เลือก All History (ประวัติทั้งหมด) และแตะที่ Clear History (ล้างประวัติ)
    The Clear History option of an iPhone.
  4. ย้อนกลับไปที่ Safari settings (การตั้งค่าซาฟารี)
  5. เปิด Extensions (ส่วนขยาย)
    The Safari Extensions menu on an iPhone.
  6. ปิดส่วนขยาย Safari มันมักจะก่อให้เกิดการทำงานที่ขัดแย้ง ความเร็วตก หรือหยุดทำงานต่อ Safari ถึงแม้ว่าส่วนขยายส่วนใหญ่จะถูกปิดเอาไว้เป็นค่าเริ่มต้นในการท่องเว็บแบบส่วนตัว แต่มันก็อาจจะมีส่วนขยายบางตัวที่สร้างปัญหาให้กับเบราว์เซอร์โดยรวมได้อยู่ดี

นอกจากนี้ ตรวจสอบให้แน่ใจว่า iPhone ของคุณได้อัปเดตไปเป็น iOS เวอร์ชันล่าสุดที่มือถือของคุณสามารถรองรับแล้ว ถ้ามันทำงานได้ช้ามาก ๆ โดยไม่มีสาเหตุที่ชัดเจน ให้ปิดส่วนขยายที่คุณกำลังใช้งานอยู่ และเปิดการสแกนแอนตี้ไวรัสเพื่อค้นหาภัยคุกคามที่อาจจะเป็นตัวการทำให้เบราว์เซอร์ของคุณช้าลง

การท่องเว็บแบบส่วนตัวนั้นเป็นส่วนตัวจริงหรือเปล่าบน iPhone?

การท่องเว็บแบบส่วนตัวบน iPhone มักจะมอบความเป็นส่วนตัวที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพูดถึงเรื่องการไม่บันทึกกิจกรรมการท่องเว็บไว้ในอุปกรณ์ของคุณ แต่เป็นเรื่องสำคัญที่คุณจะต้องจำไว้ว่า มันไม่ได้ทำให้คุณใช้งานบนโลกออนไลน์ได้แบบนิรนามหรือล่องหน ให้คิดว่ามันเป็นการป้องกันเรื่องสิ่งที่จะถูกเก็บไว้บนมือถือของคุณ ไม่ใช่ป้องกันทุกอย่างที่คุณทำบนอินเทอร์เน็ต

สิ่งที่การท่องเว็บแบบส่วนตัวซ่อน (และสิ่งที่มันไม่ได้ซ่อน)

การท่องเว็บแบบส่วนตัวนั้นเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับการที่จะไม่บันทึกกิจกรรมการท่องเว็บของคุณบนอุปกรณ์ แต่มันจะไม่ได้ซ่อนทุกอย่าง นี่คือข้อสรุปเกี่ยวกับสิ่งที่มันจะช่วยรักษาความเป็นส่วนตัวให้ (และไม่ได้ทำให้)

สิ่งที่มันซ่อน :

  • หน้าที่คุณเข้าชมและคำค้นหา : สิ่งเหล่านี้จะไม่ปรากฏในประวัติของ Safari หรือคำแนะนำการค้นหา
  • ข้อมูลแบบฟอร์มและข้อมูลการป้อนอัตโนมัติ : ทุกอย่างที่คุณพิมพ์ใส่ลงในแบบฟอร์มหรือช่องล็อกอินจะไม่ถูกบันทึกเอาไว้
  • คุกกี้และข้อมูลเว็บไซต์ : สิ่งเหล่านี้จะถูกลบหลังจากที่คุณปิดแท็บแล้ว ดังนั้นเว็บไซต์จะจำคุณไม่ได้ในครั้งถัดไป

สิ่งที่มันไม่ได้ซ่อน

  • ที่อยู่ IP ของคุณ : เว็บไซต์จะยังคงมองเห็นตำแหน่งโดยทั่วไปและอุปกรณ์ที่คุณใช้ได้ผ่านทาง IP ของคุณ
  • DNS request และกิจกรรมในระดับเครือข่าย : ISP หรือแอดมินเครือข่ายของคุณยังสามารถสอดแนมดูเว็บไซต์ที่คุณเข้าชมได้อยู่
  • ตัวตนของคุณ : ถ้าคุณลงชื่อเข้าใช้ในเว็บไซต์ การกระทำของคุณก็ยังอาจจะถูกเชื่อมโยงบัญชีของคุณได้อยู่
  • การติดตามที่ทำผ่านการทำ Fingerprinting : ในขณะที่ Safari พยายามจะลดเรื่องนี้ลง แต่มันก็ไม่สามารถกำจัดได้อย่างสิ้นเชิง
  • กิจกรรมที่ ISP, นายจ้าง หรือแอดมินเครือข่ายของคุณมองเห็นได้ : บุคคลเหล่านี้ยังสามารถบันทึกพฤติกรรมออนไลน์ของคุณได้อยู่

แม้ว่าจะมีการป้องกันการติดตามอยู่ภายในตัวของ Safari อยู่แล้วก็ตาม เว็บไซต์ก็ยังสามารถใช้วิธีการขั้นสูงกว่าที่ไม่อาศัยคุกกี้เพื่อติดตามคุณได้อยู่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณลงชื่อเข้าใช้บัญชีของคุณ หรือมีปฏิสัมพันธ์ใด ๆ กับเนื้อหาที่ปรับแต่งเฉพาะบุคคล

ถ้าคุณกำลังมองหาวิธีการขั้นถัดไป เพื่อปกป้องที่อยู่ IP ของคุณ ลองดูคู่มือวิธีเปลี่ยนที่อยู่ IP ของคุณบน iPhone

การท่องเว็บแบบส่วนตัวสามารถถูกติดตามบน iPhone ได้หรือไม่?

ได้ เพียงแค่จะไม่ได้ถูกติดตามผ่านประวัติในมือถือของคุณ การท่องเว็บแบบส่วนตัวจะป้องกันคนอื่นที่เข้าถึงอุปกรณ์ของคุณได้ ไม่ให้มาเปิดดูสิ่งที่คุณได้ทำลงไป แต่ผู้สังเกตการณ์ในระดับเครือข่าย อย่างเช่น ISP ของคุณหรือแอดมินเครือข่าย Wi-Fi ของนายจ้างของคุณก็ยังสามารถติดตามกิจกรรมการท่องเว็บของคุณได้อยู่

นั่นก็เพราะว่า :

  • ที่อยู่ IP จริงของคุณยังสามารถถูกมองเห็นได้อยู่
  • DNS query ยังคงถูกส่งผ่านไปยังเครือข่ายปกติของคุณ
  • กิจกรรมการล็อกอินใด ๆ (บัญชีอีเมลหรือโซเชียลมีเดีย) ก็ยังคงเชื่อมโยงเซสชันเข้าหาคุณได้อยู่

ทางเลือกสำหรับทดแทนการท่องเว็บแบบส่วนตัวบน iPhone

ถ้าคุณกำลังมองหาการใช้งานอย่างไม่เปิดเผยตัวตนบนโลกออนไลน์เต็มรูปแบบ คุณก็ต้องหาอะไรที่มากกว่าการท่องเว็บแบบส่วนตัว เครื่องมืออย่าง VPN หรือเบราว์เซอร์ Tor จะสามารถเข้ารหัสทราฟฟิคของคุณ และซ่อน IP ของคุณได้ นี่เป็นสิ่งที่การท่องเว็บแบบส่วนตัวของ Safari ทำไม่ได้

ใช้ VPN เพื่อความเป็นส่วนตัวเต็มรูปแบบ

VPN จะเข้ารหัสข้อมูลเครือข่ายของคุณ และปิดบังที่อยู่ IP ของคุณ สิ่งนี้จะทำให้ข้อมูลของคุณเปิดอ่านไม่ได้ และจะป้องกันไม่ให้มันถูกดักจับโดยบุคคลที่สาม

ExpressVPN ยังมาพร้อมกับตัวบล็อกโฆษณาและการป้องกันตัวติดตามภายในตัวของมันเองด้วย นอกจากนี้มันยังทำตามนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลอย่างเข้มงวด ซึ่งก็หมายความว่า ExpressVPN จะไม่เก็บข้อมูลใด ๆ ของคุณเอาไว้เลย ลองดูวิธีตั้งค่า VPN บน iPhone อย่างรวดเร็ว

ลองใช้เบราว์เซอร์ที่เน้นความเป็นส่วนตัว

แทนที่จะพึ่งพา Safari คุณสามารถใช้เบราว์เซอร์ที่เน้นความเป็นส่วนตัวเพื่อพัฒนาสถานะการไม่เปิดเผยตัวตนของคุณเอง เบราว์เซอร์ Brave ถือเป็นตัวเลือกเบราว์เซอร์ที่เน้นความเป็นส่วนตัวที่ปลอดภัยที่สุดที่มีให้ใช้งานบน iOS มันบล็อกโฆษณา ตัวติดตาม การโจมตีแบบฟิชชิง และสคริปต์การทำ fingerprinting เป็นค่าเริ่มต้น และก็จะอัปเกรดการเชื่อมต่อของคุณไปเป็น HTTPS โดยอัตโนมัติ

เบราว์เซอร์ส่วนตัวของ DuckDuckGo นั้นยังมีคุณสมบัติความเป็นส่วนตัวที่ดีด้วย มันจะบล็อกตัวติดตามบุคคลที่สามและอัปเกรดการเชื่อมต่อของคุณไปเป็น HTTPS เมื่อเป็นไปได้ให้โดยอัตโนมัติ เพื่อช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้การท่องเว็บของคุณ นอกจากนี้ มันจะใช้คุณสมบัติที่ชื่อว่า Fire Button (ปุ่มไฟ) ซึ่งจะทำให้คุณสามารถลบประวัติการท่องเว็บและแท็บของคุณทั้งหมดได้ภายในหนึ่งคลิก

อีกตัวเลือกหนึ่งที่มีความโดดเด่นก็คือ Firefox Focus ซึ่งจะทำให้คุณสามารถลบประวัติของคุณได้ในแต่ละเซสชัน และเบราว์เซอร์ Tor ซึ่งจะกำหนดเส้นทางทราฟฟิคของคุณผ่านไปยังเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ที่ถูกเข้ารหัส เพื่อซ่อนที่อยู่ IP ของคุณ และทำให้กิจกรรมออนไลน์ของคุณถูกติดตามได้ยากขึ้น มันมักจะถูกใช้งานโดยนักข่าว นักเคลื่อนไหว และผู้ใช้งานที่เป็นกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวและต้องการสถานะการไม่เปิดเผยตัวตนที่ดีกว่าที่เบราว์เซอร์ปกติมีให้ แต่มันก็มาพร้อมกับความเสี่ยงบางประการ

คำถามที่พบบ่อย : คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการท่องเว็บแบบส่วนตัวบน iPhone

คนอื่นสามารถดูประวัติการท่องเว็บแบบส่วนตัวของฉันได้หรือไม่?

โหมดการท่องเว็บแบบส่วนตัวจะป้องกันไม่ให้มีการบันทึกประวัติการท่องเว็บของคุณใส่ไว้ในอุปกรณ์ของคุณ อย่างไรก็ตาม ISP, นายจ้าง หรือเว็บไซต์ที่คุณเข้าชมยังสามารถติดตามกิจกรรมของคุณได้อยู่ นอกจากนี้ การทำ browser fingerprinting ยังคงสามารถเปิดเผยประวัติการท่องเว็บในบางส่วนได้ด้วย ถ้าคุณพยายามที่จะใช้งานบนโลกออนไลน์แบบไม่เปิดเผยตัวตนอย่างเต็มรูปแบบ คุณจะต้องใช้อะไรที่มากกว่าโหมดการไม่เปิดเผยตัวตน

เกิดอะไรขึ้นกับการท่องเว็บแบบส่วนตัวบน iPhone?

หลังจากที่ iOS 17 ได้เปิดตัวออกไปนั้น ผู้ใช้งานบางรายก็เริ่มค้นพบว่าตัวเลือกการท่องเว็บแบบส่วนตัวใน Safari หายไป ปัญหานี้มักจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตั้งค่าเวลาหน้าจอ คุณอาจจะต้องใช้เวลาในการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ แต่ตัวเลือกนี้ไม่ได้หายไปอย่างถาวร

เบราว์เซอร์ตัวไหนมีความเป็นส่วนตัวมากที่สุดสำหรับ iOS?

ในขณะที่จริง ๆ แล้วมันจะขึ้นกับคุณสมบัติด้านความปลอดภัยที่คุณต้องการ แต่เบราว์เซอร์ Brave ก็มักจะถูกกล่าวถึงว่าเป็นเบราว์เซอร์ที่มีความเป็นส่วนตัวมากที่สุดบน iOS มันบล็อกโฆษณาและตัวติดตามเป็นค่าเริ่มต้น อัปเกรดการเชื่อมต่อไปเป็น HTTPS โดยอัตโนมัติ และก็ไม่บันทึกข้อมูลการท่องเว็บของคุณเอาไว้ นอกจากนี้ก็ยังมีเบราว์เซอร์อื่น ๆ ที่ปลอดภัยสำหรับ iOS ด้วย แต่สำหรับผู้ใช้งานโดยทั่วไปแล้วนั้น เบราว์เซอร์ Brave จะเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยที่สุด

จะทำการท่องเว็บแบบส่วนตัวได้อย่างไร?

ในการจะเปิดการท่องเว็บแบบส่วนตัวใน Safari ให้เปิดแอปและแตะที่ Tabs button (ปุ่มแท็บ) (สี่เหลี่ยมจัตุรัสสองอันที่วางทับซ้อนกันอยู่) จากนั้นแตะป้ายชื่อกลุ่มแท็บที่ด้านล่างของหน้าจอ และเลือก Private (ส่วนตัว) เมื่อคุณเปิดแท็บใหม่แล้ว คุณก็จะสามารถเริ่มทำการท่องเว็บในโหมดส่วนตัวได้

โหมดไม่ระบุตัวตนช่วยทำอะไร?

โหมดไม่ระบุตัวตนหรือการท่องเว็บแบบส่วนตัวจะป้องกันไม่ให้เบราว์เซอร์ของคุณบันทึกประวัติการท่องเว็บ คุกกี้ ข้อมูลเว็บไซต์ หรือข้อมูลใด ๆ ของคุณที่คุณกรอกใส่ลงในแบบฟอร์มระหว่างเซสชันที่คุณใช้งาน

อย่างไรก็ตาม มันจะไม่ได้ทำให้คุณอยู่ในสถานะที่ไม่ได้เปิดเผยตัวตนอย่างเต็มรูปแบบ บุคคลที่สาม ซึ่งรวมถึงเว็บไซต์, ISP และแอดมินเครือข่ายของคุณจะยังคงสามารถติดตามกิจกรรมการท่องเว็บของคุณได้อยู่ มันจะช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัว แต่มันจะไม่เพียงพอ ที่จะทำให้คุณอยู่ในสถานะที่ไม่เปิดเผยตัวตน เว้นแต่ว่าคุณจะใช้มันคู่กับ VPN เพื่อเข้ารหัสทั้งเครือข่ายของคุณ

ฉันสามารถทำให้การท่องเว็บแบบส่วนตัวเป็นค่าเริ่มต้นใน Safari ได้หรือไม่?

คุณยังไม่สามารถตั้งค่าการท่องเว็บแบบส่วนตัวเป็นค่าเริ่มต้นใน Safari บน iPhone หรือ iPad อย่างเป็นทางการได้ แต่ Safari จะกลับมาเปิดใช้งานในโหมดส่วนตัวโดยอัตโนมัติ ถ้านั่นเป็นกลุ่มแท็บสุดท้ายที่คุณใช้งาน ดังนั้น ถึงแม้ว่ามันจะไม่มีการตั้งค่าที่จะทำให้มันเป็นค่าเริ่มต้น แต่มันก็จะใช้งานได้เหมือนกับเป็นค่าเริ่มต้นระหว่างแต่ละเซสชันอยู่แล้ว จนกว่าที่คุณจะเปลี่ยนกลับไปใช้โหมดปกติ

ก้าวแรกสู่การปกป้องตัวตนออนไลน์ของคุณ ลองใช้ ExpressVPN ไม่มีความเสี่ยง

รับ ExpressVPN
Content Promo ExpressVPN for Teams
Tyler Cross

Tyler Cross

Tyler Cross is a writer for the ExpressVPN blog, specializing in online privacy, security tools, and emerging threats. With years of experience covering VPNs, cybersecurity developments, and digital safety, he delivers well-researched, accessible content to help readers protect themselves online. When he’s not writing, he enjoys studying history, playing Dungeons and Dragons with friends, and staying up-to-date on modern cybersecurity trends.

ExpressVPN ยินดีให้การสนับสนุน

  • Logo 1
  • Logo 2
  • Logo 3
  • Logo 4
เริ่มต้น